ถ้าเราอยากซื้อหุ้นที่มีขายในตลาดหุ้น หรือ อยากลงทุนในหุ้น มี 2 ตัวเลือกให้เราลงทุนครับ ระหว่าง
(ก) เปิดบัญชีหุ้นกับบริษัทหลักทรัพย์(โบรกเกอร์)แล้วซื้อขายเอง จัดการ หุ้น เอง
(ข) เปิดบัญชีซื้อกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น แล้วลงทุนหุ้นผ่าน กองทุนรวม
แล้วมันต่างกันยังไง?
สำหรับ (ก) พอเราเปิดบัญชีหุ้นแล้ว เราก็สามารถเข้าโปรแกรมเช่น Streaming เข้าไปเลือกซื้อหุ้น หรือจะโทรศัพท์หามาร์เก็ตติ้งให้เขาซื้อให้ก็ได้ครับ ถ้าเราซื้อหุ้นแบบนี้ หุ้นจะถูกระบุเป็นชื่อเรา เช่น ถ้าผมซื้อหุ้น หุ้นก็จะระบุว่า นาย Bear Investor ถือหุ้นอยู่ เราจะเลือกซื้อเลือกขายหุ้นอะไรยังไงก็ตามสบายยย แต่แนะนำว่าควรจะศึกษาให้ดี เพราะขาดทุนเอง กำไรเอง เล่นเอง ลงทุนเอง เจ็บและชินไปเอง
ส่วน (ข) อันนี้เราซื้อกองทุนหุ้นแทน กองทุนก็คือผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างหนึ่ง ที่รวมเงินของนักลงทุนหลายๆคนมารวมกัน แล้วเอาไปลงทุนตามนโยบายกองทุน เช่น ที่เราจะซื้อคือกองทุนหุ้น กองทุนก็จะเอาเงินไปซื้อหุ้น โดยมีคนที่เรียกว่าผู้จัดการกองทุนซื้อขายหุ้นให้เราแทน เรามีหน้าที่ตัดสินใจเลือกว่าจะลงทุนในกองทุนไหน นโยบายลงทุนอย่างไร หน้าที่เลือกหุ้นอยู่ที่ผู้จัดการกองทุนครับ หุ้นที่กองทุนถือก็จะอยู่ในชื่อกองทุนเป็นเจ้าของไม่ใช่เรา (แต่เราก็เป็นเจ้าของกองทุนอยู่ดี) สิ่งที่เราจะได้เมื่อซื้อกองทุนคือ หน่วยลงทุน (Unit) กำไรก็จะมาจากการที่ราคาหน่วยลงทุน (NAV) สูงขึ้น ซึ่งจะสูงขึ้นได้ก็ต้องเกิดจากกองทุนมีกำไรครับ (อาจจะมาจากกองทุนขายหุ้นที่ถือได้กำไรหรือถือหุ้นแล้วหุ้นราคาขึ้นไปเรื่อยๆ)
ข้อดีข้อเสียหลักๆในแต่ละทางเลือกมีประมาณนี้ครับ
- เรื่องการเลือกหุ้น ถ้าเราลงทุนเอง เราจะลงทุนในหุ้นตัวไหนลงทุนยังไงก็ได้ ฝุ่นตลบตีลังกาพลิกแพลง ซื้อหุ้นที่คนไม่รู้จัก ซื้ออะไรก็ได้ แต่กองทุนรวมนั้น เราปล่อยหน้าที่ให้ผู้จัดการกองทุนเป็นคนเลือกหุ้น เราไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้ จะไปบอกว่าฉันชอบหุ้นตัวนี้ คุณต้องซื้อเข้ากองทุนนะ อันนี้ทำไม่ได้ แต่หุ้นที่กองทุนจะเลือกต้องอยู่ในขอบเขตของนโยบายกองทุน เช่น มีนโยบายลงทุนหุ้นขนาดเล็ก กองทุนก็ไม่สามารถซื้อหุ้นขนาดใหญ่ได้ แล้วก็จะมีหน่วยงานกำกับดูแล เช่น กลต. คอยออกกฎเกณฑ์กำกับในภาพใหญ่อีกชั้นหนึ่ง ดังนั้นถ้าจะซื้อกองทุนเราควรจะศึกษานโยบายกองทุน วิธีลงทุน แล้วก็ใส่เงินลงทุนพอครับ ติดตามห่างๆอย่างห่วงๆ แต่ถ้ากรณีลงทุนหุ้นเองอันนั้นเราต้องศึกษาและดูแลหุ้นที่เราจะซื้อขายหรือถือด้วยตัวเอง
- ค่าใช้จ่าย กองทุนนั้นจะมีค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บเป็นค่าบริหารกองทุนหรือค่าจ้างซึ่งจะเก็บทุกๆวันครับ จะอยู่ประมาณระหว่าง 0.5-2.5% ต่อปี ซึ่งจะไปหักลบออกจากผลตอบแทนที่ทำได้ ค่าใช้จ่ายตรงนี้ควรจะศึกษาเอาไว้ครับ (ตามบทความนี้) ทุกบาททุกสตางค์ต้องดูให้คุ้ม แต่หุ้นนั้นถ้าเราเปิดพอร์ตลงทุนเอง แต่ละปีไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรครับ ถือยาวไม่ซื้อไม่ขายไป 10 ปียังได้เลย แต่ทุกครั้งที่ซื้อหุ้นต้องเสียค่าคอม (commission) ให้กับทางโบรกเกอร์ ซึ่งจำง่ายๆ คือปกติซื้อหุ้นทุก 1 หมื่นบาท เสียค่าคอม 15-25 บาทครับ (บางโบรกที่เรียกว่าดิสเคาท์อาจจะเก็บน้อยกว่านี้ เช่น 7-10 บาทแต่ไม่มีบริการบางอย่าง) ส่วนกองทุนบางทีก็จะมีค่าใช้จ่ายที่เรียกว่าค่าธรรมเนียมซื้อขายครับ (Load) เช่น มีค่าธรรมเนียมซื้อกองทุนขาเข้า 1% ถ้าลงทุน 10,000 บาท จะโดนหักค่าธรรมเนียมไป 100 บาท เงินไปลงทุนจริงๆเหลือ 9,900 บาทเท่านั้น
- เวลา ถ้าเราลงทุนเอง เราต้องสละเวลามาศึกษาหุ้น มาวิเคราะห์ มาซื้อขาย แต่ถ้าลงทุนในกองทุนหุ้น เราไม่จำเป็นต้องไปศึกษาหุ้นเอง หน้าที่คือเลือกกองทุนฝีมือดีสักกองที่เราชอบแล้วลงทุนในระยะยาวๆ คอยตรวจสอบรายงานรายเดือน ว่าเขาลงทุนหุ้นอะไร ทุกปีก็อ่านรายงานประจำปีทีนึง ซึ่งใช้เวลาไม่มาก ทำให้เวลาลงทุนกองทุน เราประหยัดเวลาเอาไปพัฒนางานประจำได้ค่อนข้างมากกว่าครับ
ท้ายที่สุดก็แล้วแต่ แต่ละคนครับว่าจะเลือกลงทุนหุ้นแบบไหน ลงทุนเองนั้นก็มีข้อดีหลายอย่าง ส่วนถ้าลงทุนในกองทุนรวมก็ดีเหมือนกันโดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาศึกษาหุ้น ไม่รู้เรื่องการลงทุนสักเท่าไหร่ การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นดีๆแล้วถือลงทุนยาวๆ มั่นใจได้ครับว่าผลตอบแทนก็ดีในระดับที่น่าประทับใจแน่ๆ แถมเอาเวลาไปทำอะไรอย่างอื่นได้อีกเยอะ
แต่โลกนี้บางทีก็ไม่จำเป็นต้องเลือกอะไรแค่อย่างเดียวครับ เอาจริงๆแล้วเราเลือกสองอย่างได้ ทั้งลงทุนเองไปด้วย ทั้งซื้อกองทุนดีๆคู่กันไปด้วย ไม่มีกฎข้อไหนห้ามเรา (โดยส่วนตัวผมก็ทำแบบนั้น)
การลงทุนนั้นมีหลายทางให้ดีไซน์สไตล์ชีวิตตัวเองครับ ถ้าจะให้ประสบความสำเร็จในการลงทุน มีฐานะการเงินที่ดี มีอิสรภาพทางการเงินในอนาคต จะต้องลงทุนในหุ้นรายตัวไหม ผมบอกได้เลยว่า “ไม่จำเป็น” ตลาดหุ้นนั้น จะลงทุนให้เรียบง่าย ลงทุนพวกกองทุนรวมทั้งหลายแล้วเอาเวลาไปพัฒนารายได้ศักยภาพตัวเอง โอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุนมีสูงมากแค่มีวินัยและทัศนคติคู่ไปกับการลงทุนระยะยาวให้ได้ แต่ถ้าอยากลงทุนหุ้นรายตัว ผมพูดได้เลยว่าคุณต้องตั้งใจ ต้องสละเวลา ต้องทุ่มเท ต้องศึกษามันอย่างหนักมาก ในตลาดหุ้นไม่มีคำว่าง่ายครับ (เพราะถ้าง่ายใครๆก็จะควรจะรวยกันไปหมดแล้ว) และแน่นอนว่าหนทางสู่ 100 ล้าน 1,000 ล้านไม่ได้มีทางเดียวครับ และถ้าสมมติเราไปถึงแล้ว ก็คงไม่มีใครถามหรอกว่าคุณลงทุนหุ้นเองหรือคุณลงทุนด้วยกองทุนรวมคุณถึงมีเงินเท่านี้ แต่กว่าจะไปถึงฐานะการเงินที่ว่า มันไม่มีทางลัดครับ เลือกวิธีที่เหมาะที่สุดกับตัวเองแล้วก็ลงทุน ศึกษา เชื่อมั่นและลงมือทำครับ