ดูผลตอบแทนย้อนหลัง บอกอนาคตจริงหรือ (LTF)

วันนี้ได้เวลาทำสิ่งหนึ่งที่อยากทำ นั่นคืออยากลองหาดูว่า กองทุนหุ้นที่ได้ที่ 1-5 ในแต่ละปีมีโอกาสเท่าไหร่ที่จะอยู่ในลำดับเดิมๆในช่วงเวลาต่อมา และครั้งนี้ผมจะใช้กองทุนหุ้นระยะยาว LTF ในการทำวิจัยย้อนหลัง back-testing ครับ

ในบ้านเรามีกองทุนหุ้นระยะยาว LTF ทั้งหมด 52 กองทุน และเพื่อให้สอดคล้องกับการลงทุนในระยะถัดไปของ LTF ที่กำหนดถือครอง 7 ปี (สำหรับบางท่านที่ซื้อวันสุดท้ายของปีจะถือแค่ 5 ปี 2 วัน) เพราะฉะนั้นผมจะใช้วิธีเลือกกองทุนลำดับ 1-5 แล้วดูว่า 5 ปีต่อมาจะเกิดอะไรขึ้น พวกมันจะมีโอกาสกลับมาเข้าสู่ทำเนียบได้อีกหรือไม่ โดยเลือกแค่ห้าลำดับแรกก็เพราะว่าในเมื่อ LTF มี 52 กอง แสดงว่า 5 กองแรกนั้นคือ TOP 10% สูงสุด จะได้รู้ว่าการดูผลตอบแทนย้อนหลังหรือดูที่ 1-5 ในแต่ละปีแล้วซื้อ(ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทั่วไปน่าจะนิยมทำกัน) จะได้กองทุนผลตอบแทนสูงสุดแบบที่พวกเขาหวังกันหรือไม่ โดยผมจะใช้ห้าลำดับแรกของปี 2007,2008,2009 ซึ่งจะครบ 5 ปีใน 2012,2013,2014 และด้านล่างคือผู้เข้ารอบ Hall of Fame ในแต่ละปีของเราครับ

rank1
หมายเหตุ : ตัดกองทุน LTF ที่มีนโยบายผสมตราสารหนี้ทิ้ง เช่น 70/30 75/25 ซึ่งถ้าไม่ตัด ในปี 2008 กองที่ผลตอบแทนสูงสุดทั้งหมดจะเป็นกองทุนพวกนี้ครับ

-กองทุน 5 ลำดับแรกในปี 2007 ไม่ติด 5 ลำดับแรกในปี 2012

-กองทุน 5 ลำดับแรกในปี 2008 มี 2 กองที่ห้าปีต่อมากลับมาติดอันดับอีกครั้ง

-กองทุน 5 ลำดับแรกในปี 2009 มี 2 กองทุนที่ห้าปีต่อมาติดลำดับอีกครั้ง

ลองคำนวณดูจะพบว่า ใน 1 ปีจะมี 5 กองทุนแรกให้เลือก เราย้อนหลัง 3 ปี = ซื้อกองเดียววัดใจได้ 15 ครั้ง แต่มีโอกาสแค่ 4 จาก 15 หรือ 26.67% ที่คุณจะเลือกกองทุนได้ถูกต้องว่า 5 ปีต่อมามันจะยังอยู่ในลำดับที่ 1-5

ลองทดสอบแบบถือครองสมัยก่อนคือ 5 ปีปฎิทิน หรือน้อยสุด 3 ปี 2 วัน เพราะฉะนั้นใช้ระยะเวลา 3 ปีมาดูผลตอบแทน พบว่า 1-5 ในปีแรกจะกลับมาเป็น 1-5 ในอีก 3 ปีต่อมานั้น มีเพียงแค่ 6 จาก 25 ครั้งหรือ 24% เท่านั้นที่คุณจะเลือกถูก

ที่โหดกว่านั้นคือ มีกี่ปีที่ 1-5 ลำดับแรกจะกลับมาอยู่ 1-5 ของปีต่อมา สถิติธุรกรรมได้ 5 กองทุนต่อปี ก็จะมีทั้งหมด 7 ปี หรือ 35 ครั้ง แต่กลับมีแค่ 5 ครั้งเท่านั้นที่ ห้าอันดับแรกของปีแรกจะเป็น 5 ลำดับแรกของปีถัดมา หรือมีโอกาสเพียง 1 ใน 7 ซึ่งเท่ากับความน่าจะเป็น 14.29%

บทสรุปที่น่าสนใจ คือ การดูลำดับผลตอบแทนกองทุนสูงสุด 1-5 ลำดับแรก แทบจะไม่เชื่อมโยงกับลำดับที่ของมันใน 1 ปี 3 ปี 5 ปีต่อมาเลย เป็นการยากที่คุณจะเลือก 1-5 ลำดับแรกแล้วหวังว่ามันจะเป็น 1-5 ลำดับแรกในเวลาระยะยาวๆ โอกาสถูกต้องน้อยกว่า 1/4 (ปาลูกดอกสี่ครั้งโดนเป้าครั้งเดียว) และแม้จะหวังในรอบสั้นๆเช่นกรณี 1 ปี มันก็ยากยิ่งกว่าเพราะมีโอกาสน้อยกว่า 1/6 เปรียบไปแล้วก็เหมือนสุ่มทอยลูกเต๋าแล้วทายหน้าครับ โอกาสถูกพอกัน

ประเด็นสำคัญที่ผมอยากชี้ให้เห็นก็คือ ผลตอบแทนล่าสุดไม่บ่งบอกอะไรถึงผลตอบแทนในอนาคตเลย !! ไม่ว่าจะในระยะยาว หรือระยะสั้นก็ตาม (ไม่เชื่อลองย้อนไปดูผลตอบแทนที่ปีแรกสูงมีโอกาสน้อยมากที่ปีที่สองจะสูงด้วย)

บางท่านอาจจะสังเกตว่าบางกองมันก็กลับมาเป็นที่ 1-5 บ่อยๆนะ แสดงว่ามันก็น่าจะดูผลตอบแทนย้อนหลังได้บ้าง ซึ่งผมมีข้อเสนอแนะอีกว่า ที่เรารู้ว่ามันกลับมาเป็นที่ 1-5 ได้ใหม่ก็เพราะผลตอบแทนมันโชว์ให้เห็นแล้วว่ามันกลับมาได้ ตรงนี้เรามีข้อมูลในอดีตให้ดู (เป็นการมองกระจกหลัง) เพราะถ้าจับสถิติต่อ ณ 4 ธันวาคมปี 2015 กองทุน LTF ที่อยู่ลำดับ 1-5 ของปี 2014 ก็ไม่ติดห้าลำดับแรกครับ เป็นการวกกลับสู่ค่าเฉลี่ย ที่เรียกว่า “Reversion to the Mean” (RTM)

สิ่งที่อยากจะฝากไว้จริงๆ ก็คือ วิธีที่หลายๆคนกำลังทำกันอยู่ ดูว่าใครผลตอบแทนดีล่าสุดแล้วซื้อตาม ยกตัวอย่าง ท่านจะซื้อ LTF วันที่ 30 ธันวาคม วันก่อนหน้านั้นท่านก็เปิดเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อดูว่า ใครหนอผลตอบแทนดีสุดในปีนี้ แล้วก็ซื้อกองทุนหุ้นที่ร้อนแรงล่าสุด ก็อย่างที่วิจัยครั้งนี้ทำให้เห็นครับ 1-3-5 ปีข้างหน้า (หรือไกลไปอีก) โอกาสที่ท่านจะได้กองทุนผลตอบแทนสูงๆ ติดลำดับต้นๆอีกรอบนั้นมันยากจริงๆ ไม่เชื่อดูบทวิจัยก่อนหน้าก็ได้ครับ ว่ากอง LTF ส่วนใหญ่ในระยะยาวยังแพ้ผลตอบแทนตลาดหุ้นอีกต่างหาก  โปรด click LTF กองไหนดี?

ดังนั้น สรุปกันสั้นๆง่ายก็คือ

past performance does not guarantee future results

ที่เขาโปรยไว้เวลาโฆษณากองทุนนั้น มันถูกต้องจริงๆ

 


**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงแนวคิดส่วนตัวเกี่ยวกับวิธีการลงทุนของผู้เขียน ไม่ได้มีเจตนาชักชวนให้ลงทุนตาม ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน