ชีวิตทำงานใน 3 ปีข้างหน้า

ข้างล่างนี้เป็นสเตตัสที่เคยเขียนไว้เมื่อปี 2558 วันนี้ครบรอบอีกครั้ง ซึ่งส่วนตัวก็ยังคิดเหมือนเดิมครับ ❤ จะครบรอบ 3 ปีที่ตั้งไว้ก็น่าจะตอนปี 2561 ซึ่งก็คือปี 2018 ครับ

ชีวิตทำงานใน 3 ปีข้างหน้านี้ตั้งใจไว้ว่าจะเป็น มนุษย์เงินเดือนที่ “ตัวเบา” “ไร้หนี้” และ “ไร้สินทรัพย์ที่จับต้องได้” คือถ้าเป็นสมัยก่อนที่ยังไม่ค่อยได้อ่านหนังสือเรื่องการเงิน ช่วงชีวิตตอนนี้ผมก็คงจะไล่ซื้อของอะไรที่อยากได้มากมาย มาวันนี้ก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าไลฟ์สไตล์ชีวิตจะต่างกับที่คิดไว้ในวัยเด็กมาก ๆ แต่เชื่อมั่นว่า ช่วงเวลาไม่กี่ปีนี้จะเป็นฐานสำคัญที่ทำให้ชีวิตก้าวกระโดดในอนาคตอย่างแน่นอน เขียนไว้เผื่อจะเป็นประโยชน์กับใครที่มีความฝันอะไรบางอย่างคล้ายๆกัน

(1) พยายามอย่ารีบสะสมสิ่งที่จับต้องได้ พวก บ้าน รถ ของใช้หรูๆ ในช่วงแรก ๆ ของการทำงาน (ถ้ามันไม่จำเป็นอะไรขนาดนั้น)

(2) รีบสะสมและลงทุนในอะไรที่ดูไม่มีตัวตนแต่มันจะทำให้ชีวิตคน ๆ หนึ่งมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะสินทรัพย์การเงิน พวกเงินฝาก กองทุนหุ้น หุ้น และควรลงทุนให้ไว เริ่มเรียนรู้วางแผนการเงินตั้งแต่ยังเริ่มทำงานเลย อย่าไปรอ ตรงนี้สำคัญมาก ทำงานหวังเงิน แต่ไม่คิด ไม่วางแผนเรื่องบริหารเงิน นี่ล่ะจุดผิดพลาดของคนทั่วไป

(3) สิ่งที่ควรลงทุนที่สุด คือ “ลงทุนในตัวคุณเอง” เอาเงินไปซื้อหนังสือดี ๆ อ่าน เข้าคอร์สพัฒนาความสามารถตัวเอง สอบวุฒิหรือทำอะไรก็ได้ให้ทุกวันที่นอนถึงหมอน สามารถบอกตัวเองว่า เราได้พัฒนาความรู้ขึ้นไปอีกวันนึงแล้ว

(4) อย่ากลัวล้มเหลว ช่วงนี้อยากทำอะไรทำ พาตัวเองไปอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบ คนที่ตัวเองชอบ สังคมที่ตัวเองชอบ หางานที่รักให้พบ ปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะทำให้คนๆหนึ่งประสบความสำเร็จได้ชัดเจนสุด คือ “ทำงานที่ตัวเองชอบและรัก และโฟกัสกับมัน” ให้คุณอ่านหนังสือเกี่ยวกับคนดังทุกวงการระดับโลกหลาย ๆ เล่ม พูดเลยว่า เกือบทุกเล่มนี่คือคำแนะนำที่พวกเขาจะบอกคุณ

(5) อย่าสร้าง “หนี้”

ถ้าใครทำตามนี้ได้ เขาจะเป็นคนที่ไม่มีภาระหนี้สินเลย เงินทั้งเดือนจะถูกแบ่งเป็นค่ากินค่าอยู่ ณ ปัจจุบัน และอีกส่วนหนึ่งเป็นเงินสร้างอนาคต ทั้งอนาคตทางการเงินและอนาคตในความสามารถ ไม่ต้องกลัวว่าเช่าหออยู่แล้วจะเสียดาย ตราบใดที่จ่ายไม่เกิน 7-8 พันบาทต่อเดือน เช่าอยู่คุ้มกว่าทุกกรณี อยากไปอยู่ย่านไหนก็จงไปอยู่

ถ้าคุณซื้อคอนโด 10 ปี คุณต้องอยู่ที่เดิม แต่ถ้าอยู่หอ 10 ปี จะอยู่ 10 ที่ยังได้เลย แถมได้เรียนรู้หลากชีวิต ถ้าคุณไม่ชอบงาน คุณย้ายไปหางานที่คุณรักได้เสมอ คุณไม่มีพันธะอะไรเลย หอก็แค่ขนของย้าย หนี้สินจะหยุดคุณไม่ได้

ในขณะที่คนส่วนใหญ่อย่าว่าแต่จะลาออกเลย การไม่มีรายได้เข้ามาแค่เดือนเดียวอาจจะทำให้ชีวิตหัวหมุนเพราะภาระหนี้จะกลืนกินชีวิต ชีวิตคนเหล่านี้จะผูกอยู่กับเจ้าหนี้ ในขณะที่ตัวคุณจะมีเงินเก็บที่เป็นเงินสำรองสำหรับในกรณีที่บางทีชีวิตช่วงนั้นก็อาจจะอยากได้ทุนไปทำอะไรบ้าง อาจจะพบว่าตัวเองมีความสามารถในลู่ทางการขาย จะตั้งธุรกิจเอง เงินเก็บนั่นล่ะจะปูทางให้ หรือถ้าได้ทำทั้งสิ่งที่ตัวเองรัก งานที่ตัวเองชอบ

การเก็บเงินต่อไปสักพักจะทำให้มีรายได้ที่สอง ที่ช่วยทำให้ลดการพึ่งพิงเงินเดือน อายุสัก 30 ขึ้นไป เงินเก็บอาจจะสร้างรายได้ที่พอกับค่าใช้จ่ายแล้ว เมื่อถึงวันนั้น อยากจะมีบ้าน มีรถ มีอะไรมันก็สบาย เพราะสัดส่วนค่าใช้จ่ายเทียบรายได้มันน้อยมาก

บางทีสิ่งที่ดีที่สุดอาจจะเป็นว่า คุณมีอิสระทุกอย่างที่จะเลือกทางเดินชีวิตโดยไม่ติดกับดักอะไรเหมือนใครเขา ในวันที่ใคร ๆ ต้องไปทำงานเพื่อจ่ายเงินในสิ่งที่เขาซื้อในอดีต คุณสามารถไปทำงานเพื่อจ่ายเช็คให้ตัวเองในอนาคตได้ครับ การเลือกว่าจะซื้ออะไรในวันนี้ เท่ากับคุณกำลังเลือกชีวิตในอนาคตให้ตัวเอง โปรดระลึกไว้เสมอ

เขียนไว้เผื่อจะมีใครจะพบทางเดินใหม่ๆ ผมคงจะดีใจมาก ^^

ใส่ความเห็น